ศัลยกรรมรอบดวงตาเป็นหนึ่งในประเภทการผ่าตัดที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทั้งในกลุ่มผู้สูงวัยที่ต้องการปรับหนังตาตก และในกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ต้องการเพิ่มความสดใสให้กับดวงตา ดวงตาเป็นอวัยวะที่สื่อถึงอารมณ์และบุคลิกภาพ ดังนั้น การทำศัลยกรรมรอบดวงตาจึงสามารถช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสมากขึ้น ข้อดีของการทำศัลยกรรมรอบดวงตา ได้แก่ การปรับปรุงรูปลักษณ์ของดวงตาให้ดูสดชื่นและกระชับขึ้น การปรับหนังตาตกหรือถุงใต้ตา ทำให้ดวงตาดูมีชีวิตชีวา แต่ยังช่วยปรับปรุงการมองเห็นในบางกรณี เช่น การผ่าตัดปรับหนังตาตกที่บดบังการมองเห็น
ข้อควรระวัง
ศัลยกรรมรอบดวงตาเป็นการผ่าตัดที่ต้องการความระมัดระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากดวงตาเป็นบริเวณที่ละเอียดอ่อนและเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย ผู้ที่สนใจต้องปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า เพื่อประเมินสภาพร่างกายและทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การบวมช้ำ การติดเชื้อ หรือผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามคาด
ตาบน (Upper)
ตาหลบใน | หนังตาตก (Ptosis) | ชั้นตาไม่เท่ากัน | ไขมันส่วนเกินที่เปลือกตา | ริ้วรอยและรอยย่นบริเวณเปลือกตา | ปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง (Myogenic Ptosis) |
ลักษณะ: ชั้นตาบนไม่ชัดเจนหรือหายไป โดยเฉพาะเมื่อเปิดตา ผลกระทบ: ส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจ บางกรณีอาจส่งผลต่อการมองเห็น | ลักษณะ: เปลือกตาบนหย่อนลงมามากกว่าปกติ บดบังการมองเห็นบางส่วน อาจเกิดจากความเสื่อมของกล้ามเนื้อยกเปลือกตา หรือความผิดปกติตั้งแต่เกิด ผลกระทบ: บดบังการมองเห็นและทำให้ต้องเพ่งสายตาอยู่ตลอด | ลักษณะ: ความสูงหรือรูปร่างของชั้นตาทั้งสองข้างไม่เท่ากันอาจเกิดจากการผ่าตัดหรือปัจจัยตามธรรมชาติ | ลักษณะ: เกิดการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังทำให้เปลือกตาดูหนาและบวม มักพบในวัยกลางคนถึงสูงอายุ ผลกระทบ: ทำให้ดวงตาดูบวมและในบางกรณีอาจบดบังการมองเห็นหากหนังตาหย่อนร่วมด้วย | ลักษณะ: ผิวรอบดวงตามีความหย่อนคล้อยและเกิดรอยย่นเกิดจากความเสื่อมของผิวหนังและการใช้สายตามากเกินไป | ลักษณะ: กล้ามเนื้อที่ใช้ในการเปิดตาอ่อนแรง ทำให้ตาเปิดได้ไม่สุด อาจเกิดจากกรรมพันธุ์หรือโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ผลกระทบ: บดบังการมองเห็นและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตประจำวัน ทำให้ดวงตาดูปรือและขาดความมีชีวิตชีวา |
วิธีการ: สร้างชั้นตาใหม่ โดยเย็บหรือเลาะผิวหนัง เพื่อกำหนดชั้นตาให้ชัดเจนขึ้น ใช้ เทคนิค Double Eyelid Surgery สำหรับเสริมชั้นตา | วิธีการ: การผ่าตัดปรับกล้ามเนื้อยกตา (Ptosis Correction) เพื่อช่วยให้เปลือกตาเปิดได้ดีขึ้น อาจต้องใช้เทคนิคเย็บยึดชั้นผิวกับกล้ามเนื้อ | วิธีการ: ศัลยกรรมปรับชั้นตาใหม่ เพื่อทำให้ทั้งสองข้างดูสมดุล การปรับชั้นตาแบบละเอียด ขึ้นอยู่กับความลึกและความสูงของตาแต่ละข้าง | วิธีการ: การเลาะไขมันส่วนเกิน ออกจากบริเวณเปลือกตา อาจรวมกับการยกกระชับหนังตา | วิธีการ: การผ่าตัดยกกระชับหนังตา (Upper Blepharoplasty) | วิธีการ: การผ่าตัดยกกล้ามเนื้อตา เพื่อฟื้นฟูการทำงาน อาจต้องทำควบคู่กับการรักษาอื่น ๆ หากเกิดจากโรคทางระบบประสาท |
ถุงใต้ตา (Under-Eye Bags) | ร่องลึกใต้ตา (Tear Trough Deformity) | ผิวหนังหย่อนคล้อยใต้ตา (Skin Laxity) | เปลือกตาล่างเปิดกว้างผิดปกติ (Ectropion) | ความไม่สมมาตรใต้ตา (Lower Eyelid Asymmetry) | ริ้วรอยใต้ตา (Fine Wrinkles) |
ลักษณะ: ไขมันสะสมใต้ตาทำให้เกิดถุงนูน | ลักษณะ: เกิดร่องลึกจากหัวตาถึงใต้ตา | ลักษณะ: ผิวหนังใต้ตาหย่อนคล้อย | ลักษณะ: เปลือกตาล่างเปิดออกจากตาขาว ทำให้เห็นด้านในเปลือกตามากเกินไป | ลักษณะ: ดวงตาสองข้างมีถุงใต้ตาหรือความหย่อนคล้อยไม่เท่ากัน | ลักษณะ: ริ้วรอยเล็กๆ ที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อรอบดวงตา |
วิธีการ: Lower Blepharoplasty: กรีดแผลที่ด้านในเปลือกตาหรือใต้แนวขนตาเพื่อเอาไขมันส่วนเกินออก Fat Repositioning: ย้ายไขมันบางส่วนไปยังร่องลึกใต้ตาแทนที่จะเอาออก | วิธีการ: Fat Repositioning: ย้ายไขมันจากถุงใต้ตาลงไปเติมในร่องลึกFiller Injection: ฉีดสารเติมเต็ม เพื่อปรับให้ผิวเรียบเนียน | วิธีการ: Lower Blepharoplasty: ตัดผิวหนังส่วนเกินออกและดึงให้กระชับ | วิธีการ: Canthoplasty: การปรับมุมหางตาให้กระชับเพื่อยกเปลือกตาล่างขึ้น Tightening Surgery: ดึงเปลือกตาล่างให้แน่นขึ้นด้วยการปรับเอ็นบริเวณหางตา | วิธีการ: Customized Lower Blepharoplasty: ปรับระดับความหย่อนและไขมันตามความเหมาะสมของแต่ละข้าง | วิธีการ: ฉีดสารเพื่อลดการหดตัวของกล้ามเนื้อและป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ Laser หรือ Microneedling: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อลดรอยย่น |